
หลายท่านคงสงสัยว่าทำไม คนในบ้านป่วยบ่อย ทั้งที่คอยรักษาสุขภาพตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งกินผัก และออกกำลังกาย สาเหตุที่สามารถเป็นไปได้ ประการหนึ่งคือ “เครื่องปรับอากาศ” ถ้าเราปรับตั้งเครื่องปรับอากาศไม่ให้เหมาะสม โรคร้ายอาจมาเยือนตัวเราได้ง่ายจนนึกไม่ถึง
ความเข้าใจผิดต่อสภาพเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย
หลายท่านคงยังไม่ทราบว่า สภาวะที่เหมาะสมกับร่างกาย ต้องคำนึงถึง สามสิ่งหลักๆ คือ อุญหภูมิ ฝุ่นในอากาศ และสภาพความชื้น จากการสอบถาม คนส่วนใหญ่จะคิดว่าแค่เปิดเครื่องปรับอากาศ ก็พอแล้ว! เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ก็มีเครื่องฟอกอากาศในตัว จะกลัวอะไรอีก ?
ความคิดแบบนี้ ถูกแค่หนึ่งในสามครับ ปัจจัยเรื่องฝุ่นเป็นแค่เรื่องหนึ่ง ความชื้นในอากาศเรื่องหนึ่ง อุณหภูมิก็อีกเรื่อง ต้องแยกออกจากกัน คนส่วนมากไม่ให้ความสำคัญกับ ความชื้นในอากาศ
ทุกท่านคงทราบกันดี เมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น หลายท่านติดเครื่องปรับอากาศไว้เพื่อ ให้อุณหภุมิในห้องนอนลดลง จะได้นอนหลับสบาย แต่หลายคนคงตื่นขึ้นมากับ ปากแห้ง ผิวแห้ง นั่นเพราะ เวลาที่เราเปิดเครื่องปรับอากาศ ความเย็นในอากาศ ทำให้ความชื้นในอากาศ หายไปด้วยเช่นกัน นั่นทำให้ปากแห้งผิวแห้ง ส่งผลให้ปัญหาตามมา อีกมากมาย
สภาพอากาศเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมกับการอยู่อาศัยให้มีสุขภาพดีที่สุด
มีรายงานเกี่ยวกับการทดลองหลายฉบับบอกว่า อุญหภูมิของร่างกายจะอยู่ที่ 36-37 องศา แต่ละช่วงอายุไม่เท่ากัน การปรับเครื่องปรับอากาศ ควรมากกว่า 25 องศา ถ้าเป็น 26-28 จะดีมากพเพราะร่างกายคนเรา จะสามารถรับอุณหภูมิดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ดัชนีการวัดระดับของฝุ่นในอากาศของไทย แบ่งเป็น 5 ระดับโดยเริ่มตั้งแต่ 0-201 แบ่งดังนี้ 0-25 อากาศดีมาก 26-50 อากาศดี, 51-100 คุณภาพปานกลาง, 101-200 เริ่มมีผลต่อสุขภาพ, 201 ขึ้นไป มีผลต่อสุขภาพ การแก้ปัญหา มีทางเดียวคือ หาหน้ากากที่มีรหัส n95 มาสวมใส่ เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือ เมื่ออยู่ในบ้านก็พยายามปิดบ้านให้อากาศนอกบ้านไหลเข้าบ้านน้อยที่สุด หรือเปิดเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยได้เป็นอย่างดี
ส่วนสุดท้าย คือความชื้น ความชื้นในอากาศที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย และทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญเติบโต หรือ เติบโตได้ช้าที่สุดคือ 50% ขึ้นไป นี่แหละครับคือประเด็น เพราะเวลาเปิดเครื่องปรับอากาศจะทำให้ความชื้นในอากาศ(โหมด DRY) ลดลงเยอะมาก ทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในอากาศสามารถก่อตัว และขยายจำนวนได้ดี โดยจากการสอบถาม เจ้าของบ้านหลายท่าน ไม่เคยปรับโหมดการทำงานเลยตั้งแต่ติดแอร์ที่บ้าน ส่งผลให้มีส่วนให้เกิดโรคตามมาได้
วิธีการปรับโหมดการทำงานของแอร์ ให้เหมาะกับสุขภาพ
โดนส่วนใหญ่เครื่องปรับอากาศจะถูกแบ่งเป็น 4 โหมดใหญ่ๆ คือ Auto, Cool, Fan, Dry (บางรุ่นมีโหมด Heat) โหมดที่จะต้องได้รับการใส่ใจ คือ โหมด DRY โดยโหมดนี้มีหน้าที่ “ลดความชื้นในอากาศ” โดยตัวเครื่องปรับอากาศจะควบแน่นความชื้น บนแผงทำความเย็นทำให้ความชื้นบริเวญแผงแอร์ควบแน่นจนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำแล้วไหลไปที่ท่อน้ำทิ้ง แต่แอร์ก็ทำงานอยู่โดยจะทำงานสลับกัน โดยโหมด DRY นี้ เหมาะกับหน้าฝนหรือหน้าหนาวจัดที่มีความชื้นในอากาศสูงเท่านั้น และโหมด Cool แอร์จะทำงานตามอุญหภูมที่ตั้งเอาไว้ เท่านนั้นไม่สนความชื้นในห้องแต่อย่างใด จึงเหมาะกับหน้าร้อน
สำหรับคนที่ต้องการการใส่ใจเป็นพิเศษ แนะนำว่า ควรติด เครื่องวัดความชื้นและอุณหภูมิพร้อมทั้ง ตัววัดฝุ่นละออง PM2.5 ไว้ในห้อง เพื่อเป็นตัวบอกว่าสภาพแวดล้อมเหมาะสมหรือไม่ อะไรขาด อะไรเกิน จะทำให้เราคุมสภาพของห้องได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากการปรับแอร์ การดูแลรักษาสุขภาพ ก็ต้องทำควบคู่ไปด้วย ERA หวังว่าทุกท่านจะสุขภาพแข็งแรง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขครับ